ภาษาเป็นสัญลักษณ์ที่กำหนดว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการสื่อสารความเข้าใจระหว่างคนในสังคม ช่วยสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ช่วยสร้างความสัมพันธ์ของคนในสังคม ถ้าคนในสังคมคุยกัน คำพูดที่ดีจะช่วยให้คนในสังคมมีความสุข หากพูดคำหยาบจะทำให้เกิดความบาดหมาง ภาษาจึงช่วยสร้างมนุษยสัมพันธ์ของคนในสังคม ภาษาเป็นสมบัติของสังคม ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารมี 2 ประเภท คือ วาจาและอวัจนภาษาความหมาย การสื่อสาร
วัจนภาษา (verbal language)
ภาษาหมายถึงภาษาพูด เช่น คำและอักขระที่ใช้กันทั่วไปในสังคม ภาษาพูดเป็นภาษาที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างเป็นระบบ องค์ประกอบทางภาษาหรือไวยากรณ์ที่คนในสังคมต้องเรียนรู้และใช้ในการฟัง พูด อ่าน เขียน และคิด มีอนุสัญญา การสื่อสารด้วยวาจาต้องคำนึงถึงความชัดเจนและความแม่นยำของภาษา และความเหมาะสมกับลักษณะของการสื่อสาร เป้าหมาย สื่อ และผู้ชม
กริยาแบ่งออกเป็นสองประเภท:
ภาษาพูด ภาษาพูด เป็นภาษาที่มนุษย์ใช้คำพูดเพื่อสื่อสารกับผู้อื่น นักภาษาศาสตร์ถือว่าภาษาพูดเป็นภาษามนุษย์ที่แท้จริง ภาษาเขียนเป็นเพียงขั้นตอนเดียวในวิวัฒนาการของภาษา มนุษย์มักใช้ภาษาพูดเพื่อสื่อสารกับผู้อื่น ภาษาที่พูดทั้งในหน้าที่ส่วนตัว ทางสังคม และทางอาชีพ ส่งเสริมความรักและความเข้าใจ และช่วยแก้ปัญหา
ในรูปแบบต่างๆ ในสังคมมนุษย์
ภาษาเขียน ภาษาเขียนเป็นภาษาที่มนุษย์ใช้ตัวอักษรเพื่อแสดงเสียงของการสื่อสาร ตัวอักษรเป็นสัญลักษณ์ของคำ ภาษาเขียนถูกคิดค้นโดยมนุษย์เพื่อบันทึกภาษาพูด แสดงถึงคำพูดในสถานการณ์ต่างๆ แม้ว่านักภาษาศาสตร์จะถือว่าภาษาเขียนไม่ใช่ภาษาแท้ของมนุษย์ แต่ภาษาเขียนเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสื่อสารของมนุษย์ และมีคนใช้มานานแล้วในด้านการสื่อสารส่วนบุคคล สังคม และวิชาชีพ ฉันใช้คำที่เป็นลายลักษณ์อักษร จดหมายสร้างความรักความเข้าใจและช่วยแก้ปัญหามากมายในสังคมมนุษย์ เมื่อมนุษย์เป็นมนุษย์ เมื่อพวกเขาเลือกตามสถานการณ์
อวัจนภาษา (non-verbal language)
อวัจนภาษากำลังสื่อสารโดยไม่มีคำพูด ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นภาษาที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน เราสามารถตีความและเข้าใจซึ่งกันและกันโดยใช้ท่าทาง ท่าทาง น้ำเสียง ตา หรือการใช้วัตถุที่มองเห็นได้ เครื่องหมาย สภาพแวดล้อม หรือการแสดงออก
การแสดงภาพแทนตา เช่น การสบตาระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับ ก็มีส่วนช่วยในการตีความเช่นกัน ตัวอย่างเช่น การสบตาเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจ การเหล่บ่งบอกถึงความสงสัย ความไม่แน่นอน ฯลฯ การแสดงภาพควรตรงกับการแสดงออกทางสีหน้า การแสดงออกทางสีหน้าและดวงตาช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับภาษา สามารถใช้แทนภาษาพูดได้
ท่าทาง (สำนวนภาษา) นิสัยของบุคคล สามารถถ่ายทอดความหมายได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด หรือสามารถใช้เพิ่มน้ำหนักในการพูดได้ เช่น ท่าทาง การเคลื่อนไหวของร่างกาย ท่าทาง การเคลื่อนไหวของมือ การโบกมือ ตัวสั่น พยักหน้า ยักไหล่ ยิ้ม ถ่ายทอดความหมายได้มากมาย เช่น การพูด การยักไหล่ เป็นต้น , เครื่องเขียน ฯลฯ
น้ำเสียง (perlingual) เป็นองค์ประกอบที่ไม่ใช่คำพูดโดยนัยของภาษาพูดที่เป็นสำเนียงของผู้พูด การออกเสียงระดับเสียง จังหวะการพูด ความดังของคำพูด เสียงตะโกน เสียงกระซิบ และเสียงสูงต่ำช่วยแสดงความรู้สึกและอารมณ์ ยังช่วยในการตีความความหมายของคำต่างๆ เช่น การใช้สำเนียง การเว้นจังหวะ การขว้าง สิ่งเหล่านี้ทำให้คำพูดของคุณโดดเด่นยิ่งขึ้น
วัตถุและวัตถุ (วัตถุภาษา) วัตถุและวัตถุที่ผู้คนเลือกใช้ เครื่องประดับ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา ปากกา แว่นตา ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นความหมายที่ไม่ใช่คำพูด
ช่องว่างหรือช่องว่าง (ภาษา) พื้นที่ของสถานที่หรือระยะทางที่ผู้คนสื่อสารกัน เป็นภาษาอวัจนภาษาที่เราเข้าใจได้ เช่น ระยะห่างระหว่างชายหญิง พระกับสตรี ผู้คน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนสองคนนั่งติดกันบนม้านั่งเดียวกัน สื่อสารให้เข้าใจ คนสองคนมีความผูกพันเป็นพิเศษ
เวลา (กาลภาษาศาสตร์) หมายถึงความหมายที่เวลามีบทบาทสำคัญ แต่ละครั้งมีความหมายของตัวเอง ผู้คนและวัฒนธรรมต่างกันมีความคิดและความหมายเกี่ยวกับเวลาต่างกัน ตัวอย่างเช่น การตรงต่อเวลามีความสำคัญมากในวัฒนธรรมตะวันตก ขาดเวลา ถือเป็นการดูหมิ่น
การสัมผัส (สัมผัสด้วยวาจา) เป็นการแสดงออกทางอวัจนภาษาที่แสดงออกมาผ่านการสัมผัส เช่น การจับมือ การยื่นลิ้น การลูบหัว การกอด เป็นต้น แผ่นรองไหล่สัมพันธ์กับวัฒนธรรมของแต่ละสังคม